อภินิหารตำนานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน และ ภารกิจกู้ภัยระดับโลกเพื่อช่วย 13 ชีวิต

อภินิหารตำนานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

   

     วนอุทยาน ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ตั้งอยู่ที่ตำบลโป่งผา อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน มีเนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ มีพื้นที่สำหรับบริการนักท่องท่องอยู่ 2 แห่ง คือ

1.  บริเวณวนอุทยานถ้ำหลวงตั้งอยู่ท้องที่บ้านน้ำจำ ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย เป็นที่ตั้งสำนักงาน

2. บริเวณขุนน้ำนางนอน มีเนื้อที่ 8 ไร่ ตั้งอยู่ท้องที่บ้านจ้อง ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงราย

    เทือกเขาดอยนางนอน สถานที่ตั้ง วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน มีลักษณะเป็นภูเขาขนาดใหญ่หลายลูกเรียงตัวสลับซับซ้อน มองดูคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว มีส่วนหัว จมูก หน้าอก และลำตัวชัดเจน ขนานไปกับถนนในเขตอำเภอแม่จัน และแม่ฟ้าหลวง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง มีจุดสูงสุดคือ ผาช้างมูบ อยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราวๆ 830 เมตร

ตำนาน ดอยนางนอน  มีอยู่หลายเรื่องเล่าด้วยกันจากคนโบราณ แต่เกือบทุกเรื่องมักจบลงด้วยความเศร้า

ตำนานที่ 1

    เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา หนีตามชายเลี้ยงม้าในวังไปจนถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง ขณะนั้นเจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว เดินทางต่อไม่ไหว จึงขอรออยู่ที่นี่ ส่วนสามีก็อาสาออกไปหาอาหารมาให้ แต่หายไปไม่กลับมาอีกเลย ทราบข่าวอีกทีว่าสามีถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดา นางเสียใจมาก เลยเอาปิ่นปักผม แทงพระเศียรตนเอง จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สาย ร่างที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็น ดอยนางนอน และตรงท้องที่นูนขึ้นมาก็เป็นดอยตุง อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

ตำนานที่ 2

   พญานาคตัวหนึ่งออกตามหาลูกสาว ที่ถูกพญาครุฑลักพาตัวไป จนพบลูกสาวนอนอยู่ตรงบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกกับทองคำ ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาลนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑเรียกว่า “หนองละกา” ส่วนทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายทอง” และพญานาคยังได้สร้างเจดีย์ เป็นอนุสรณ์ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า “พระธาตุจอมนาค” จนถึงปัจจุบัน

ตำนานที่ 3

   เจ้าหญิงเมืองพุกามกรีธาทัพออกตามหาเจ้าชายที่นางรัก นางออกรบ และขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆ จนมาถึง “เวียงสี่ทวง” จึงพบกับเจ้าชาย แต่ปรากฏว่าเจ้าชายหนีหายไปกับสาวสวยชาวเวียงนี้อีกครั้ง นางรู้สึกเศร้าสลดจนตรอมใจตาย ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ร่างของนางกลายเป็นเทือกเขา ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ดอยนางนอน” น้ำตาที่ไหลรินกลายเป็น “ขุนน้ำนางนอน” ส่วนไพร่พลของนางก็กลายมาเป็นชนเผ่าหลากชาติพันธุ์บนภูเขาแห่งนี้

สถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ ภายในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

– ถ้ำหลวง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ยาวถึง 7 กิโลเมตร เชื่อว่าเป็นถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดในประเทศไทย ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างมาก ภายในถ้ำจะพบกับความงามของ เกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย และมีธารน้ำไหลตลอดทั้งปี

     ช่วงเดือนกรกฎาคม ถึง พฤศจิกายน ของทุกปี ถ้ำหลวงจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมพื้นที่ถ้ำ เนื่องจากมักมีน้ำหลากเข้าไปข้างใน อาจทำให้เกิดอันตรายได้ สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมคือ เดือนพฤศจิกายน ถึง เมษายน

– ถ้ำพระ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ชาวบ้านได้สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ไว้ ภายในถ้ำ มีหินงอก-หินย้อย ที่งดงามแปลกตา อากาศบริเวณปากถ้ำเย็นสบายตลอดทั้งปี

– ถ้ำมัลติกาเทวี หรือ ถ้ำพญานาค เป็นถ้ำขนาดเล็ก อยู่ใต้หน้าผาบนภูเขา ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมของพระอริยบุคคล และได้มรณภาพในถ้ำนี้ ที่ปากถ้ำมีหินงอกขนาดใหญ่คล้ายงูแผ่แม่เบี้ย สูงประมาณ 2.5 เมตร

– ถ้ำเลียงผา เกิดจากการยุบตัวของแผ่นดิน ทำให้มีลักษณะเป็นเวิ้งมีหุบเหวล้อมรอบ บริเวณถ้ำยังพบฟอสซิลหอยฝาเดียวและหอยสองฝาโบราณอายุหลายร้อยล้านปี

– ขุนน้ำนางนอน ห่างจากถ้ำหลวง 2 กม. มีธรรมชาติที่สวยงามร่มรื่น  เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของนักท่องเที่ยว จุดเด่นคือบึงน้ำจืดขนาดเล็กที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี และถ้ำทรายทอง ซึ่งตั้งอยู่บนหน้าผาเหนือบึงน้ำ เป็นถ้ำลอดที่ยังไม่ได้มีการสำรวจ จึงยังคงความเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์

ค่าเข้าชมสถานที่ ฟรีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

เวลา เปิด – ปิด : เปิดทำการทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น.

การเดินทาง :

• รถยนต์ ขับจากถนนสายหลัก เชียงราย-แม่สาย ตามถนนพหลโยธินหมายเลข 1 ไปประมาณ 3 กิโลเมตร ถนนลาดยางตลอดสายจนถึงวนอุทยานฯ
• นั่งรถบัส (สายแม่สาย-เชียงราย) จากสถานีขนส่งผู้โดยสารอ.แม่สาย โดยรถจะวิ่งบนถนนหมายเลข1 (แม่สาย-เชียงราย) และจะจอดให้ลงตรงรร้านอริยะซาวด์ จากนั้นให้นั่งมอเตอร์ไซด์รับจ้างที่ปากซอยบ้านจ้อง ซอย7 เลาะตามถนนเข้าหมู่บ้านจ้องจนถึงวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

   จากกรณีที่มีเด็กนักกีฬานักฟุตบอลและโค้ช รวม 13 ชีวิต ได้สูญหาย​

เข้าไปในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ในวนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ผ่านมา (23 มิถุนายน 2561) และไม่กลับออกมาอีกเลย 

ลำดับเหตุการณ์ที่นักฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ พร้อมหัวหน้าผู้ฝึกสอน ก่อนไปติดอยู่ในถ้ำ

- 09.30 น. นักฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ พร้อมหัวหน้าผู้ฝึกสอน นัดกันมาเจอที่สนามฟุตบอล บ้านจ้อง สเตเดี่ยม เพื่อลงซ้อมทีมกันระหว่าง ตัวจริง กับ ตัวสำรอง

- 09.45 น. หนึ่งในสมาชิกทีมหมูป่าขับรถจักรยานยนต์ มาซื้อน้ำเปล่าจำนวน 2 แพ็ก ที่ร้านค้าโชห่วยใกล้กับสนามฟุตบอล

- 10.00 – 12.00 น. ทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ ลงซ้อมทีมกันที่สนามจนเสร็จสิ้น

- 12.30 – 13.00 น. ทีมฟุตบอลหมูป่า อะคาเดมี่ กลับมาที่ร้านค้าโชห่วยอีกครั้ง ก่อนจะเลือกซื้อขนม น้ำ ไปกว่า 700 บาท และนัดรวมพลกันอีกครั้งที่สนาม (กลุ่มที่จะไปถ้ำ)

- 14.00 – 14.30 น. ทั้ง 13 คนออกเดินทางไปถ้ำหลวงจากสนาม บ้านจ้อง สเตเดียม ด้วยจักรยาน โดยตัวสนามห่างจาก ถ้ำหลังประมาณ 3 กิโลเมตร

- 15.00 น. 13 ชีวิตถึง ถ้ำหลวง และเดินเข้าไปในถ้ำ จนเกิดภัยธรรมชาติที่คาดไม่ถึง

อาหารที่ทั้ง 13 ชีวิต ตั้งใจตุนไปถ้ำหลวงนั้นมีดังนี้

1.เครื่องดืมเกลือแร่ ได้รับการเปิดเผยจากแม่ค้าว่า ทางทีมได้มีการซื้อตุนเข้าไปหลายขวด ก่อนเดินทางไปถ้ำหลวง โดยเฉพาะโค้ช ที่ตุนไปเกือบ 10 ขวดเลยทีเดียว ไม่นับรวมน้ำเปล่าอีก 4-5 ขวด

2.น้ำอัดลมอย่างเป๊ปซี่ (ขวดละ 12 บาท) เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ให้น้ำตาล ทีมหมูป่าบางคนซื้อติดมือกันเข้าไป ก่อนเดินทางเข้าสู่ถ้ำหลวง

3.น้ำส้มสายน้ำผึ้ง 25 % ยี่ห้อกรีนเบอรี่ แบบขวดละ5 บาท เป็นอีกหนึ่งเครื่องดื่มที่ทีมหมูป่าขนเข้าไป ด้วยรสชาติหวานสดชื่น และพกง่าย ทำให้หลายคนซื้อติดมือไปด้วย

4.ปลาหมึกอบปรุงรสชนิดแผ่นอย่าง “เบนโตะ” คือหนึ่งในขนมที่ทีมหมูป่านำติดเข้าไปในถ้ำหลวงด้วย โดยแม่ค้าเผยว่า เด็กมาเหมา เบนโตะ ไปทั้งแผงเลย (แบบซองละ 5 บาท 12 ซอง)

5.มันฝรั่งทอดกรอบยอดฮิตอย่าง “เลย์” เป็นอีกหนึ่งขนมที่เด็กทีมหมูป่าซื้อเข้าไปอยู่หลายห่่อ

6.ขนมทอดกรอบรสซีฟู้ดรูปไดโนเสารฺ์อย่าง “ไดโน พาร์ค” เป็นอีกขนมที่เด็กๆเลือกติดมือเข้าไป โดยได้หยิบขนมห่อละ 5 บาทนี้ ไปอยู่หลายห่อเช่นกัน

7.หมูหยอง ที่ได้รับการเปิดปากจากแม่ค้าว่า ทีมหมูป่า ได้เหมายกแผงกันไปเหมือนกัน “เบนโตะ” ซึ่งน่าจะเป็นอาหารหลัก (ในกรณีที่พกข้าวติดไปด้วย) และอาหารกินเล่นได้ยามว่างเช่นกัน 

ลำดับเหตุการณ์ค้นหาทีมหมูป่า จากวันแรกถึงวันที่พบ13ชีวิต

- ช่วงบ่ายสามโมง เจ้าหน้าที่วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน สังเกตเห็นรถจักรยานจอดอยู่ 11 คัน บริเวณทางเข้าถ้ำหลวง จึงเข้าไปตรวจสอบ และทราบจากผู้ปกครองคนหนึ่งว่าติดต่อลูกชายไม่ได้

- ช่วง 4 ทุ่ม ทีมกู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจแม่สาย และศูนย์วิทยุ 191 สภ. แม่สาย ได้รับแจ้งเหตุว่ามีเด็กหายตัวเข้าไปในถ้ำหลวง จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจในพื้นที่เข้าไปตรวจสอบ

วันอาทิตย์ที่ 24 มิ.ย.

- เข้าสู่ช่วงหลังเที่ยงคืนวันเสาร์ทีมกู้ภัยของมูลนิธิสยามรวมใจและทีมกู้ชีพสมาคมสิริกร เชียงราย เดินทางพร้อมถังออกซิเจนและอุปกรณ์นำทาง เข้าไปค้นหาภายในถ้ำเป็นครั้งแรก

- ช่วงตีสาม ทีมกู้ภัยออกมาจากถ้ำเผยว่าพบรองเท้าแตะและข้าวของจำนวนหนึ่งวางทิ้งไว้บนพื้นถ้ำ แต่การค้นหาต้องยุติลงชั่วคราว เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดอันตราย ด้วยระดับน้ำภายในถ้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ

- ราว 07.30 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากหลายหน่วยงานเริ่มการค้นหาอีกครั้ง แต่พบว่าระดับน้ำภายในถ้ำสูงขึ้นกว่าเดิม สภาพอากาศข้างในมีความชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท

- ประมาณ 10.00 น. ทีมกู้ภัยกลับออกมาจากถ้ำ และแจ้งว่าโพรงถ้ำด้านในถูกน้ำปิดกั้นอยู่ ลึกกว่า 5 เมตร ขณะที่ระดับน้ำในถ้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง จึงส่งทีมนักประดาน้ำเข้าสำรวจโพรงถ้ำ ที่อยู่ลึกเข้าไปราว 3 กิโลเมตร แต่ต้องตัดสินใจถอนกำลังเพราะน้ำขุ่นและมีดินทรายไหล

- ช่วงเย็น. เจ้าหน้าที่แจ้งขอความช่วยเหลือจากหน่วยทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือหน่วยซีล ของกองทัพเรือ ขณะที่ทีมดำน้ำอีกชุดได้สลับเปลี่ยนเข้าค้นหาต่อเนื่อง

วันจันทร์ที่ 25 มิ.ย.

- นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าฯ เชียงราย น้อมนำพระราชกระแสรับสั่งของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ถึงผู้ประสบเหตุทั้ง 13 ราย แจ้งบรรดาผู้ปกครองของทีมนักฟุตบอลว่า ทรงห่วงใยและหวังให้เด็ก ๆ ปลอดภัย

- ช่วงบ่าย เจ้าหน้าที่นำเฮลิคอปเตอร์บินสำรวจ หลังทราบจากชาวบ้านว่าบริเวณเหนือถ้ำมีปล่องที่ทะลุออกนอกถ้ำได้ และก็พบปากปล่องทางเข้าถ้ำ 2 จุด

- หน่วยซีลจากสัตหีบมีนาวาเอก อนันต์ สุราวรรณ ผบ.กรมรบพิเศษที่ 1 เป็นหัวหน้าทีมพร้อมกำลัง 17 นาย เดินทางไปถึง พร้อมลุยค้นหาทันที ระบุมีสัญญาณดี พบรอยเท้า คาดเด็กๆ และโค้ชเดินลึกเข้าไปในถ้ำเพื่อหนีน้ำ เร่งค้นหาเจาะทะลุผนังกั้นเข้าไปอีกยังบริเวณโถงใหญ่ แต่ไม่พบ ทั้งมีอุปสรรคเพราะฝนตกตลอดทำให้น้ำสูงขึ้นและขุ่นเชี่ยวเริ่มเป็นอันตราย ทำให้ช่วงค่ำต้องตัดสินใจถอนกำลังออกมา

วันอังคารที่ 26 มิ.ย.

- เจ้าหน้าที่ส่งโดรนดำน้ำ หุ่นยนต์ค้นในถ้ำ ลุยสูบน้ำออกจากโพรงถ้ำตลอดคืน แต่หน่วยซีลยังเข้าไม่ถึงจุดที่อยู่ว่าเด็กๆ ติดอยู่ภายใน เหตุน้ำท่วมโพรงปริมาณมาก

- อีกด้านหนึ่ง อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี แถลงว่าพบช่องถ้ำ 2 จุด ซึ่งเชื่อว่าใหญ่พอสำหรับใช้เป็นช่องทางเข้า-ออก เจ้าหน้าที่ส่ง ฮ.บินสำรวจพบปล่องบนภูเขา หย่อนอาหาร-น้ำลงไป กับอีกปล่องใหม่ที่คาดว่าอาจเข้าถึงจุดที่ติดอยู่ด้านใน โรยตัวลงไปยังไม่ถึงพื้น ส่วนกองทัพบกนำทหารจำนวน 200 นาย เดินเท้าสำรวจขึ้นไปบริเวณสันเขาเหนือถ้ำ เพื่อหาตาน้ำและปิดทางน้ำไหลเข้าถ้ำ

- บรรดาผู้ปกครองและญาติของเด็กที่สูญหาย จัดพิธีฮ่องขวัญตามความเชื่อ เพื่อขอให้ทั้งหมดกลับบ้านอย่างปลอดภัย

วันพุธที่ 27 มิ.ย.

- สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ในฐานะหัวหน้าศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ไปจัดตั้งโรงครัวพระราชทาน เพื่อปรุงอาหารสำหรับแจกจ่ายให้กับผู้ปฎิบัติหน้าที่ พร้อมทั้งผู้ปกครอง สื่อมวลชน และประชาชนที่เข้าเกาะติดสถานการณ์ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มปฎิบัติภารกิจการค้นหา

- เฟซบุ๊กเพจ Thai Navy Seal รายงานเครื่องสูบน้ำมีกำลังไม่เพียงพอทำให้น้ำลดได้ อีกทั้งฝนตกที่หนักต่อเนื่องทำให้น้ำท่วมมาถึงห้องโถง 3 เจ้าหน้าที่ที่ปักหลักอยู่ข้างในจึงต้องถอยมาอยู่ที่โถง 2

- ด้านทีมสำรวจบริเวณดอยผาหมีพบว่าปล่องถ้ำตัน ไม่สามารถโรยตัวเข้าไปในถ้ำได้ แต่เจ้าหน้าที่ยังคงเดินหน้าสำรวจโพรงและปล่องถ้ำอื่น ๆ ต่อไป

- ช่วงค่ำราวสองทุ่ม ทีมกู้ภัยจำนวน 3 คน จากองค์กรดาร์บีเชอร์ เคฟ เรสคิว ออร์แกไนเซชัน  ชมรมนักประดำน้ำอาสาช่วยเหลือผู้ที่ติดถ้ำในอังกฤษ เดินทางมาถึงบริเวณถ้ำหลวงเพื่อสมทบปฏิบัติการกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือ

วันพฤหัสบดีที่ 28 มิ.ย.

 - ช่วงเช้า การสูบน้ำออกจากถ้ำต้องยุติลงชั่วคราวทั้งระบบ หลังมีฝนถล่มลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องตั้งแต่ค่ำวานนี้ ทำให้น้ำเอ่อล้นออกมาถึงปากถ้ำ เป็นผลให้ต้องย้ายกองอำนวยการร่วมออกมาด้านนอกถ้ำ

- มท.1 สั่งสำรวจผนังถ้ำ ขุดเจาะเข้าช่วยชีวิต พร้อมส่งโดรนบินสำรวจทำแผนที่ 3 มิติ ขณะเดียวกัน มีชาวบ้านให้ข้อมูลปล่องอีกจุดที่คาดว่าจะลงไปได้ ด้านเจ้าหน้าที่ลากสายไฟเบอร์ออพติกในถ้ำ และเจาะทะลุผนังถ้ำหลวงแล้วเพื่อระบายน้ำออกจากถ้ำ ทำให้น้ำในถ้ำเริ่มลด และหน่วยซีลกลับเข้าถ้ำได้

- กองกำลังสหรัฐอเมริกาภาคพื้นแปซิฟิก หรือ USPACOM ส่งทีมค้นหาและกู้ภัย เพื่อช่วยตามหาผู้สูญหายเดินทางถึงจังหวัดเชียงราย

วันศุกร์ที่ 29 มิ.ย.

- ในหลวงพระราชทานสิ่งของแก่เจ้าหน้าที่ปฎิบัติภารกิจช่วยเหลือทีมหมู่ป่า 13 ชีวิต ที่ติดอยู่ในถ้ำ ได้แก่ ถุงยังชีพ ไฟฉาย ถ่านไฟฉาย เสื้อกันฝน อาหารแห้ง โดย รถลำเลียงของพระราชทาน มาถึงช่วงเวลา 14.00 น.  แม้จะเกิดเหตุรถติดหล่ม แต่เจ้าหน้าที่ทหารและเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงจิตอาสาทุกคนช่วยกันดันรถขึ้นมาอย่างทุลักทุเลจนขึ้นไปได้ในที่สุด

- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางลงพื้นที่ถ้ำหลวงในวันที่ 29 มิ.ย. เพื่อให้กำลังใจญาติของทีมหมูป่า อะคาเดมี แม่สาย โดยร่วมพูดคุย นำฝึกสมาธิ และร่วมประกอบอาหาร พร้อมบอกให้ผู้ปกครองอย่าสิ้นหวัง หรือยอมแพ้ เจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเต็มที่ ด้านทีมดำน้ำจากอังกฤษดำน้ำกลับเข้าไปยังโถง 3 อีกครั้ง และประเมินสถานการณ์วางแผนว่าจะดำน้ำต่อไปอย่างไร เนื่องจากเส้นทางมีความยากและอันตราย 

- ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจพลร่มหย่อนตัวลงไปในโพรงบนถ้ำหลวง ลึก 60 เมตร พบช่องทางอาจเชื่อมต่อกันได้ เร่งผลัดกันโรยตัวลงไปตรวจสอบ 24 ชั่วโมง ขณะที่ผู้ว่าฯเชียงรายแถลงอีกโพรงที่พบลึก 40 เมตรพบเพียงดินโคลนและเป็นโพรงตัน จึงเร่งขุดเจาะระบายน้ำจากถ้ำ

- ในช่วงค่ำ พระครูบาบุญชุ่ม พระเกจิชื่อดังของรัฐฉาน เดินทางมาบริเวณถ้ำหลวง เพื่อทำพิธีเปิดทางช่วยเด็กและโค้ชทั้ง 13 คนที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง พร้อมกล่าวว่า อีกสองวันเด็กๆ จะออกมาได้อย่างปลอดภัย

วันเสาร์ที่ 30 มิ.ย.

- ตำรวจลุยต่อสำรวจโพรง หวังเชื่อมถึงถ้ำหลวง ขณะที่น้ำในถ้ำลดลงจากผลของเจาะบาดาล ส่งผลให้ซีลรุกคืบใกล้ถึงพัทยาบีช พร้อมติดตั้งออกซิเจนช่วยชีวิตระหว่างทาง เจ้าหน้าที่เตรียมเจาะต่ออีก 5 จุด

- ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายยันสัญญาณดี จึงให้เตรียมซักซ้อมแผนนำผู้ประสบภัยขึ้นเฮลิคอปเตอร์ส่งโรงพยาบาล สั่งห้ามบกพร่อง ชักช้า พร้อมเตรียมทีมแพทย์ดำน้ำลงไปตรวจสอบสุขภาพ หากออกไม่ได้ เตรียมอาหารที่ใช้ในอวกาศดูแล

- พระครูบาบุญชุ่มทำพิธีเปิดถ้ำ ขณะที่กลุ่มของทีมหมูป่ารุ่นพี่ กว่า 20 ชีวิต เดินทางมาถึงบริเวณหน้าถ้ำหลวง เพื่อมาเป็นกำลังให้กับเจ้าหน้าที่และญาติๆ ของทั้ง 13 คน

วันอาทิตย์ที่ 1 ก.ค.

- เจ้าหน้าที่ขนย้ายอุปกรณ์จำเป็นต่าง เช่นถังอากาศ และอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปยังในถ้ำเผื่อเหตุฉุกเฉิน แม้อุปสรรคจะมากแต่ทีมงานไม่รออีกต่อไปมุ่งหน้าไปยังขุดที่เรียกว่า "หาดพัทยา" พร้อมกั้นพื้นที่ให้สื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวด้านนอกให้อยู่ในจุดที่ทางการจัดไว้ให้เท่านั้น 

- นายนพดล นิยมคา อดีตผู้ใหญ่บ้านแหลม จ.เพชรบุรี นำท่อพญานาคมา ที่ดูดน้ำแรงที่สุดในไทย จำนวน 10 ท่อ มาช่วยระดมการสูบน้ำออกจากถ้ำ ช่วยสมทบกับทางเจ้าหน้าที่เพื่อเร่งในการระบายน้ำภายในถ้ำ  ท่อพญานาคจะสามารถสูบน้ำได้มากว่า 10 เท่าของท่อน้ำปกติ

- เจ้าหน้าที่ของกองทัพเรือกล่าวว่า มีการสลับเปลี่ยนกำลังชุดต่อชุดในการดำน้ำ โดยใกล้ถึงบริเวณ 3 แยกแล้ว อีกแค่เพียง 1.3 กิโลเมตร และจะถึงหาดพัทยาบีชอีก 2.5 กิโลเมตร ซึ่งการปฏิบัติหน้าที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่จะทำให้เต็มความสามารถ

- วันเดียวกันที่นครรัฐวาติกัน  สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงขอพรให้นักฟุตบอลเยาวชนทีมหมูป่าและโค้ชทั้ง 13 ชีวิตปลอดภัยโดยเร็ว

วันจันทร์ที่ 2 ก.ค.

- นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ร่วมกับ พลเรือตรีอาภากร อยู่คง
แก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการพิเศษทหารเรือ และ พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 แถลงความคืบหน้า ว่าเจ้าหน้ายังคงใช้แผน 1 เป็นแผนหลักคือ การเข้าหน้าถ้ำออกหน้าถ้ำ แต่ปัญหาและอุปสรรคของเราคือน้ำเยอะในถ้ำทั้งหมด

- เบื้องต้นภารกิจหลักตรงนี้ได้มอบหมายให้หน่วยซีลดำน้ำเข้าไปยึดพื้นที่หรือตำแหน่งที่คาดว่าน้องๆ ทีมหมูป่าอยู่ให้ได้

- ด้านข้าวบ้านผาหมี กว่า 100 คนเร่งสร้างฝายกั้นน้ำ และใช้ท่อขนาดใหญ่ เปลี่ยนทางน้ำไม่ให้ ไหลซึมเข้าไปภายในถ้ำหลวง โดยมีทีมจากกรมชลประทานร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ และเจ้าหน้าที่ทหาร

- เวลา 22.40 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ผวจ.เชียงราย แถลงว่า จากการรายงานของหน่วยซีลล่าสุด ที่เดินทางผ่านสามแยกในถ้ำเข้าไปและไปถึงหาดพัทยาบีช แต่เมื่อไปถึงพบว่าบริเวณหาดพัทยาบีชถูกน้ำท่วม เจ้าหน้าที่จึงเลยเข้าไป 400 เมตร ก่อนพบทั้ง 13 คนปลอดภัย แต่ภารกิจยังไม่สิ้นสุด เพราะตามแผนต้องนำน้ำออกให้หมดแล้วนำตัวเด็กออกมา ก่อนส่งพยาบาลและแพทย์เข้าไป

กลุ่มแรกที่พบทีมหมูป่าคือ ทีมนักดำน้ำจากประเทศอังกฤษที่นำโดย นายจอห์น โวแลนเธน, และนายริชาร์ด สแตนตัน 

https://web.facebook.com/ThaiSEAL/videos/1631228493667210/?t=0

ล่าสุด เว็บไซต์ บีบีซีไทย ได้เปิดประวัติ “สองนักดำน้ำชาวอังกฤษ” ที่พบเจอทีมหมูป่าทั้ง13ชีวิต ภายในถ้ำหลวง เป็นกลุ่มแรกๆ ดังที่เราได้เห็นในคลิปที่ทางหน่วยซิล ได้โพสต์ลงเฟซบุ๊ก Thai NavySeal ในช่วง 01:00น. ของวันที่ 3 กรกฏาคม 2561 ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นคลิปที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ และคนที่ติดตามเรื่องนี้จากทั่วทุกมุมโลก ถึงกับ “โล่งอก” และ “นอนหลับฝันดี” ในค่ำคืนที่ผ่านมา

นายจอห์น โวลันเธน และ นายริชาร์ด สแตนตัน คือผู้เชี่ยวชาญการสำรวจถ้ำจากอังกฤษ 2 คนแรกที่พบตัวเด็ก ๆ พวกเขาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ของไทยและเดินทางมาพร้อมกับ โรเบิร์ต ฮาร์เปอร์ ผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่ง

สมาคมช่วยเหลือผู้ประสบภัยภายในถ้ำของอังกฤษ (The British Cave Rescue Council) กล่าวว่าทั้งสามคนเดินทางมาถึงประเทศไทย 3 วันหลังจากทีมฟุตบอลหมูป่าหายตัวเข้าไปในถ้ำ โดยนักสำรวจและนักประดาน้ำอังกฤษทั้งสามคนนี้ได้ผ่านการสำรวจถ้ำมาเป็นจำนวนมาก ทำให้พวกเขามีความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างและระบบภายในถ้ำเป็นอย่างดี

สำนักข่าว บีบีซีไทย ยังเปิดเผยไปต่ออีกว่า นายแสตนตัน และนายโวลันเธน เป็นส่วนหนึ่งของชุดทีมกู้ภัยเซาธ์แอนด์มิดเวลส์ที่ช่วยนักประดาน้ำ ที่ติดอยู่ภายในถ้ำในประเทศฝรั่งเศสเมื่อปี 2010 เมื่อสอบถามไป ทีมกู้ภัยเซาธ์แอนด์มิดเวลส์ ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นใดๆ ขณะที่สมาคมของอังกฤษให้เหตุผลว่าพวกเขาจะไม่ระบุชื่อของนักสำรวจถ้ำที่ถูกส่งไปในภารกิจต่างๆ เพื่อให้พวกเขา “สามารถเดินหน้ากับงานที่ยากลำบากโดยปราศจากสิ่งรบกวน”

ตามรายงานจากการช่วยเหลือในปี 2010 ครั้งนั้น นายแสตนตัน เป็นนักผจญเพลิงในเมืองโคเวนทรี ของอังกฤษ และมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือนักสำรวจชาวอังกฤษจำนวน 13 คนที่ติดอยู่ในถ้ำของเม็กซิโกเมื่อปี 2004 นอกจากนี้ ตามข้อมูลออนไลน์ นายโวลันเธน เป็นนักวิ่งมาราธอน และอุลตร้ามาราธอนด้วย รวมถึงเคยกล่าวติดตลกว่า เขาแค่วิ่งเพื่อที่จะสามารถกินบิสกิตเพิ่มได้

ในการสัมภาษณ์เกี่ยวกับการวิ่งอีกครั้งหนึ่ง นายโวลันเธนกล่าวว่าเขา “สำรวจถ้ำบ่อยกว่าการวิ่งมาก และนั่นน่าจะเห็นได้ชัด”

3 กรกฎาคม 2561

• ตลอดทั้งวัน นักดำน้ำอาสา และนักดำน้ำต่างชาติ ได้ลำเลียงขวดอากาศไปยังโถง 3 ให้มากที่สุด และนำสายโทรศัพท์ไปถึงหาดพัทยา เพื่อให้ทั้ง 13 คน ได้ติดต่อสื่อสารกับครอบครัว แต่เกิดอุปสรรคล่าช้า ทำให้ยังไปไม่ถึง
• ทีมนักดำน้ำของหน่วยซีล 9 นาย เข้ารับผิดชอบการดูแลเด็กๆ พร้อมด้วย พ.ท.นพ.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์ แพทย์ทหารซึ่งจบหลักสูตรซีลอีก 1 นาย และ พยาบาลหน่วยซีลอีก 1 นาย 

4 กรกฎาคม 2561

• เพจหน่วยซีลเผยคลิปล่าสุด "ทีมหมูป่า" ได้กินอาหารและห่มผ้าให้ร่างกายอบอุ่น ส่งเสียงทักทายจากในถ้ำหลวง โดยเป็นคลิปที่ถูกบันทึกในถ้ำตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคม
• ทีมหมูป่าใช้หน้ากากและหายใจใต้น้ำแล้ว เพื่อเตรียมการออกจากถ้ำก่อนที่ฝนจะตกหนัก และอาจทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นจนมิดถ้ำ การดำน้ำออกจากถ้ำ คาดว่าเป็นวิธีเดียว ที่จะช่วยชีวิตได้
• ด้านนอกถ้ำยังคงเร่งสูบน้ำเพื่อพร่องน้ำอย่างต่อเรื่อง และยังสร้างฝายเพื่อเบี่ยงทางน้ำ อุดตาน้ำเพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปเพิ่มภายในถ้ำอีก ฝนกลับมาตกอีกครั้ง ส่วนทีมหมูป่าภายในถ้ำ ผบ.หน่วยซีล ส่งหน่วยซีลที่มีแพทย์กับพยาบาลเวชศาสตร์ เข้าไปดูแลพร้อมนำอาหารประเภทย่อยง่าย และเกลือแร่เข้าไปให้กับทีมหมูป่าเพื่อปรับสภาพร่างกาย 

5 กรกฎาคม 2561

การทำงานของเจ้าหน้าที่ล่าสุด เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปในถ้ำ เพียงใส่ชูชีพได้ถึงบริเวณโถง 3 โดยไม่ต้องดำน้ำ แต่จากโถง 3 ไปถึงเนินนมสาว ยังมีระดับน้ำลึกซึ่งต้องใช้หน้ากากดำน้ำ และเป็นหน้าที่ในการทำงานของชุดประดาน้ำ 

6 กรกฎาคม 2561

พล.ร.ต.อาภากร อยู่คงแก้ว ผบ.หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ เปิดเผยว่า จ่าเอกสมาน กุนัน อายุ 38 ปี นักทำลายใต้น้ำจู่โจม หรือ หน่วยซีล ที่รับภารกิจให้ลำเลียงขวดอากาศจากโถงสาม ภายในถ้ำหลวงไปยังจุดต่างๆ บริเวณสามแยก ตั้งแต่เมื่อวานนี้ (5 ก.ค.) เวลาเริ่มดำน้ำ 20.37 น. เมื่อเสร็จภารกิจ ขณะดำน้ำกลับได้หมดสติในน้ำ คู่ดำน้ำได้ทำการปฐมพยาบาล (CPR) แต่ไม่ได้สติ จึงนำกลับมายังโถงสามเพื่อปฐมพยาบาลอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้สติและเสียชีวิตลงในเวลาประมาณ 01.00 น.  

เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 6 ก.ค. นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า นายมาร์ติน เอลลิส นักสำรวจ ผู้วาดแผนที่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนคนแรก เดินทางมาถึงถ้ำหลวง แล้ว มาถึงก็ได้เข้าไปทำงานพื้นที่ด้านในถ้ำทันที คาดว่าคงจะแนะนำและให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่หน่วยซีลว่าอะไรอยู่ทิศทางไหน บริเวณใด จากจุดนี้ ถึงจุดนั้นเป็นระยะทางเท่าใด ซึ่งจะเป็นประโยชน์และทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในถ้ำง่ายขึ้น

นายมาร์ติน เอลลิส (คนกลาง) นักสำรวจชาวอังกฤษ ถึงถ้ำหลวงแล้ว

ทั้งนี้ มาร์ติน เอลลิส เป็นนักสำรวจชาวอังกฤษ ทีมเดียวกับ เวิร์น อันสเวิร์ธ ที่เดินทางมาช่วยเหลือทีมค้นหาตั้งแต่วันแรกๆ เพราะเขาเคยเข้าสำรวจถ้ำแห่งนี้เมื่อปี 2559 ในช่วงเวลาที่ไม่มีปริมาณน้ำท่วมเช่นปัจจุบัน ซึ่งทุกหน่วยงานของไทยมักใช้ข้อมูลการสำรวจของมาร์ตินเป็นหลัก

โดยมาร์ตินเป็นคนวาดแผนที่ ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน ที่ทีมค้นหาใช้ค้นหา 13 ชีวิตนักฟุตบอลทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ซึ่งมาร์ตินจะสนับสนุนภารกิจหลักไปที่การช่วยสื่อสารข้อมูลสภาพพื้นที่ถ้ำหลวงให้กับหทีมค้นหา และให้ข้อมูลกับหน่วยซีลในการพาทั้ง 13 ชีวิตออกจากถ้ำ

7 กรกฎาคม 2561

• เพจเฟซบุ๊ก Thai NavySEAL เผยแพร่ภาพซึ่งเป็นกระดาษเขียนด้วยลายมือ ระบุว่า เป็นข้อความจากทีมหมูป่าและโค้ช ฝากทีมนักดำน้ำต่างชาติ ออกมาจากเนินนมสาว เมื่อคืนวันที่ 6 กรกฎาคม 2561 เด็กๆ บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง แข็งแรงทุกคน ออกไปอยากกินอาหารหลายอย่าง ออกไปอยากกลับบ้านเลย คุณครูอย่าให้งานเยอะ ส่วนทีมซีลและหมอภาคย์ ที่ดูแลน้องๆ อยู่ สบายดีทุกคน 
• เพจเฟซบุ๊กของ “กองทัพเรือ Royal Thai navy” ได้เผยแพร่ภาพพร้อมสรุปข้อมูล การให้ความช่วยเหลืองทั้ง 13 คนวันนี้ ด้วยยการฝึกดำน้ำ โดยมี พ.ท.ภาคย์ โลหารชุน หรือ หมอภาคย์และชุดหน่วยซีล จำนวน 3 นาย ฝึกทักษะการดำน้ำ ทำการตรวจประเมินสุขภาพและฟื้นฟูให้กับน้องๆทีมหมูป่า ล่าสุดยังปลอดภัยดีทุกคน

8 กรกฎาคม 2561

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ยืนยันว่าได้ส่งทีมหมูป่า 4 คนแรกออกจากถ้ำหลวงถึงรพ.เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนการพาออกมาจากถ้ำนั้น ให้เด็กสวมหน้ากากแบบเต็มใบเชื่อมต่อกับถังอากาศ ซึ่งมีเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำประกบออกมาตลอดทาง โดย 2 คนแรกออกมาเวลาประมาณ 17.40 น. คนที่ 3 ประมาณ 19.40 น. จากนั้นคนที่ 4 เวลา 19.50 น. ทุกคนปลอดภัย

ดร.เครก แชลเลน สัตวแพทย์เกษียณอายุชาวออสเตรเลีย (คนขวา) ที่มาร่วมปฏิบัติการช่วยชีวิตนักฟุตบอลเยาวชนและโค้ช ทีมหมูป่าอะคาเดมี่ ที่ถ้ำหลวง อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยืนยันกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี ของออสเตรเลียว่า มีการทำให้สมาชิกทีมหมูป่า "สงบอย่างหนัก" ก่อนออกมาจากถ้ำจริง

"ทีมหมูป่าถูกทำให้สงบ เพราะถ้ามีใครสักคนตื่นตกใจ(ระหว่างดำน้ำ) อาจเป็นเรื่องร้ายที่สุด ที่อาจเกิดขึ้นได้" ดร.แชลเลน กล่าว

เขากล่าวอีกว่า ถ้าให้ตัวเองใส่หน้ากากดำน้ำ ทั้งๆ ที่ไม่เคยดำน้ำมาก่อน แถมถูกลากตัวออกมาจากถ้ำนาน 3 ชั่วโมง ก็คงกลัวและอาจตื่นตกใจเหมือนกัน

ทั้งนี้ ดร.แชลเลน เป็นเพื่อนกับ ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ (แพทย์ที่เชี่ยวชาญด้านการวางยาสลบ) ซึ่งเจ้าหน้าที่ไทยได้ร้องขอให้ทั้ง 2 มาช่วยเหลือปฏิบัติการดังกล่าว โดยทั้งคู่ไปถึง จ.เชียงรายเมื่อวันที่ 6 ก.ค. และเริ่มลงมือดำน้ำในวันต่อมา ขณะที่ทีมหมูป่า 4 คนแรกออกจากถ้ำมาได้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.

9 กรกฎาคม 2561

ผอ.ศอร. แถลงภารกิจพาหมูป่ากลับบ้านวันที่ 2 โดยยืนยันว่าในวันนี้สามารถช่วยนำพาเด็กๆ ทีมหมูป่า อะคาเดมี ออกมาได้อีก 4 คน ตามแผนการที่ได้วางเอาไว้

10 กรกฎาคม 2561

นำตัวสมาชิกทีมหมูป่าคนที่ 9 10 11 และ 12 ออกจากถ้ำหลวง ก่อนที่จะนำตัวคนที่ 13 ซึ่งน่าจะเป็น "โค้ชเอก" ที่ออกมาเป็นคนสุดท้าย ไปยังโรงพยาบาลสนาม ก่อนและส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ถือว่าเป็นการจบภารกิจซึ่งผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

สิ้นสุดการรอคอย สมาชิกทีมหมูป่าออกจากถ้ำครบ 13 คน

นักเตะเยาวชนและโค้ชทีมหมูป่าอะคาเดมีแม่สาย รวม 13 ชีวิต ซึ่งติดถ้ำนาน 16-18 วัน ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยครบทีม หลังเปิดปฏิบัติการ "ถ้ำหลวง" นาน 18 วัน

• ด.ช.มงคล บุญเปี่ยม (มาร์ค) อายุ 13 ปี ร.ร.บ้านป่าเหมือด
• ด.ช.ประจักษ์ สุธรรม (โน้ต) อายุ 14 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
• ด.ช.ณัฐวุฒิ ทาคำทรง (เติ้ล) อายุ 14 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
• ด.ช.ชนินท์ วิบูลย์รุ่งเรือง (ไตตั้น) อายุ 11 ปีร.ร.อนุบาลแม่สาย
• ด.ช.ภานุมาศ แสงดี (มิก) อายุ 13 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
• ด.ช.ดวงเพชร พรมเทพ (ดอม) อายุ 13 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิศาสตร์
• ด.ช.สมพงษ์ ใจวงค์ (พงษ์) อายุ 13 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
• ด.ช.เอกรัตน์ วงค์สุขจันทร์ (บิว) อายุ 14 ปี ร.ร. ดรุณราษฎร์วิทยา
• ด.ช.อดุลย์ สามออน อายุ 14 ปี ร.ร.บ้านเวียงพาน
• ด.ช.พิพัฒน์ โพธิ (นิค) อายุ 15 ปี ร.ร.บ้านสันทราย
• นายพรชัย คำหลวง (ตี๋) อายุ 16 ปี โรงเรียนบ้านป่ายาง
• นายพีรพัฒน์ สมเพียงใจ (ไนท์) อายุ 17 ปี ร.ร.แม่สายประสิทธิ์ศาสตร์
• นายเอกพล จันทะวงษ์ (เอก) อายุ 25 ปี ผู้ช่วยผู้ฝึกสอน